Archive for กรกฎาคม 4th, 2011

โปรแกรม Joomla

โปรแกรม Joomla

 

 

http://www.google.co.th/imgres?imgurl=http://www.wegethosting.com/blog/wp-content/uploads/2010/10/Joomla.png&imgrefurl=http://www.wegethosting.com/blog/joomla-%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25A3/&usg=__wNhHQGsOOPDd9BvVxBKfRcijMmg=&h=342&w=500&sz=31&hl=th&start=10&zoom=1&tbnid=bYwOGi_guVD0JM:&tbnh=89&tbnw=130&ei=9TERTv_7OMfrrQfmyLWIBA&prev=/search%3Fq%3D%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A1%2Bjoomla%26um%3D1%26hl%3Dth%26sa%3DN%26biw%3D1024%26bih%3D567%26tbm%3Disch&um=1&itbs=1

 

โปรแกรม Joomla เป็นระบบบริหารจัดการเว็บไซต์ (Content Management System: CMS) ที่ช่วยให้การพัฒนาเว็บไซต์ เป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องภาษาที่ใช้ในการเขียนเว็บไซต์ เป็นโปรแกรมประเภท Open Source โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาให้เป็นซอฟต์แวร์เสรี ที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ แก้ไข ปรับปรุง หรือจำหน่ายฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งสามารถสรุปลักษณะเด่นๆ ได้ดังนี้
• ไม่ต้องเสียเวลากับการออกแบบเว็บไซต์ เพียงแค่พิมพ์ข้อมูลก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้
• สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็วด้วย templates ต่าง ๆ
• ไม่ต้อง Upload Files ไปยัง server เพียงแค่เลือกคำสั่ง Save ข้อมูลจะถูกบันทึกทันที
• สามารถใช้งานและ Update ข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาตามต้องการผ่าน Internet Explorer หรือ
Web Browser อื่น ๆ
• มีส่วนเพิ่มเติมประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์มากมาย เช่น Poll, Forums
• ช่วยให้บริหารจัดการข้อมูลได้เป็นอย่างดี เช่น ข้อมูลจะถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบทำให้ง่ายต่อการค้นหา
และแก้ไข, สามารถซ่อนข้อมูลหรือเนื้อหาได้
• สามารถกำหนด User เพิ่ม เพื่อเข้ามาช่วยในการพัฒนาเว็บไซต์ โดยสามารถกำหนดสิทธิให้กับ User
ตามความเหมาะสม หรือเพื่อให้เนื้อหาบางส่วนของเว็บไซต์สามารถเปิดดูได้เฉพาะผู้ที่เป็นสมาชิกเท่านั้น

ส่วนที่ 2: ความต้องการขั้นต่ำของ Joomla:
– เครื่องคอมพิวเตอร์ระดับ Server Class ที่ติดตั้งระบบให้บริการแบบ Web Server เช่น IIS, Apache เป็นต้น
– พื้นที่ว่างของ Hard Disk 100 MB มากขึ้นตามจำนวนการเก็บไฟล์ต่างๆ ของเว็บไซต์
– Database MySQL
– Apache
– PHP
แนะนำโปรแกรม AppServ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่รวบรวม Package ที่จำเป็นสำหรับการทำ Web Server ไว้ ได้แก่
– Apache ทำหน้าที่ให้บริการ Web Server
– MySQL ทำหน้าที่เป็น Dataabase Server
– PhpMyAdmin คือโปรแกรมสำหรับจัดการฐานข้อมูลผ่าน Web Browser ซึ่งโปรแกรม Appserv
สามารถดาวน์โหลดได้จาก http://www.appservnetwork.com

อ้างอิง: http://www.mindphp.com/modules.php?name=News&file=article&sid=81

โปรแกรม Dreamweaver 8

โปรแกรม Dreamweaver 8

Macromedia Dreamweaver 8 เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับสร้างเว็บเพจ และบริหารเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ในกลุ่มโปรแกรมประเภทเดียวกัน ในปัจจุบัน
เนื่องจากคุณสมบัติของโปรแกรมที่มีความสะดวกต่อการใช้งาน มีฟังก์ชันที่ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดวางข้อความ รูปภาพ ตาราง ฟอร์ม วิดีโอ รวมถึงองค์ประกอบอื่น ๆ
ภายในเว็บเพจได้อย่างสวยงามตามที่ผู้ใช้ต้องการ โดยไม่ต้องใช้ภาษาสคริปต์ที่ยุ่งยากซับซ้อนเหมือนก่อน ด้วยความสามารถและคุณสมบัติของโปรแกรม จึงเหมาะสำหรับนักเรียน

การติดตั้งโปรแกรม
การติดตั้งโปรแกรม Dreamweaver 8 มีขั้นตอนดังนี้

•ใส่แผ่นซีดีรอม โปรแกรม Dreamweaver 8 เข้าไปในไดร์ฟซีดีรอม
•โปรแกรมจะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ หรือถ้าเปิดเข้าไปที่ไดรฟ์ซีดีรอม ดับเบิลคลิกที่ไอคอน Setup โปรแกรม

• จะได้หน้าต่างข้อตกลงสิทธิการใช้งาน (License Agreement) คลิกเลือก I accept … แล้วคลิกปุ่ม Next

•เลือกไดเรกทอรี่ที่ต้องการ เช่น C:\Program File … ถ้าต้องการเปลี่ยนให้คลิกปุ่ม Change … เลือกไดรฟ์และโฟลเดอร์ที่ต้องการแล้วคลิกปุ่ม Next

•เลือกชนิดของโปรแกรมที่จะใช้ร่วมกับ Dreamweaver (Default Editor) ถ้าเลือกทั้งหมดแล้วคลิกปุ่ม Select All แล้วคลิกปุ่ม Next

•คลิกปุ่ม Install เพื่อติดตั้งโปรแกรม

•เริ่มติดตั้งโปรแกรมลงในเครื่องจนเสร็จสมบูรณ์

•คลิกปุ่ม Finish

การเปิดใช้งานโปรแกรม
หลังจากติดตั้งโปรแกรมบนเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว สามารถเรียกใช้งานโปรแกรม ดังนี้ เรียกผ่านปุ่ม Start มีวิธีทำ คือ

•คลิกที่ปุ่ม Start บนทาสก์บาร์
•เลือกคำสั่งย่อย Programs >> Macromedia >> Macromedia Dreamweaver 8
เรียกผ่านไอคอนบนเดสก์ทอป

กรณีที่ได้สร้างไอคอน Dreamweaver 8 ไว้บนเดสก์ทอป สามารถดับเบิลคลิกที่ไอคอนได้
เมื่อเปิดโปรอกรมแล้วจะเข้าสู่หน้าต่างที่เรียกว่า หน้าเริ่มต้น (Start Page) เพื่อให้ผู้ใช้เรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังรูป

2. ส่วนต่าง ๆ ของโปรแกรม Dreamweaver 8

•แถบชื่อเรื่อง (Title Bar) แสดงชื่อแฟ้มข้อมูลที่กำลังใช้งานอยู่
•แถบคำสั่ง (Menu Bar) เป็นส่วนที่เก็บคำสั่งต่าง ๆ ที่ใช้งานในโปรแกรม Dreamweaver 8
•แถบเครื่องมือ (Document Tool Bar) เป็นส่วนที่ใช้ในการจัดการกับเว็บเพจ ณ ขณะนั้นเช่นการเปลี่ยนมุมมองในการดูหน้าเว็บเพจ
•แถบแทรก (Insert Bar) เป็นกลุ่มเครื่องมือที่ใช้สร้างองค์ประกอบต่าง ๆ ในเว็บเพจซึ่งประกอบด้วยชุดเครื่องมือ 8 ชุดด้วยกัน
•พื้นที่ออกแบบ (Document Window) เป็นส่วนที่ใช้สำหรับใส่เนื้อหาและจัดองค์ประกอบของเว็บเพจ โดยประกอบด้วยมุมมองการทำงาน 3 รูปแบบด้วยกันคือ
Design, Code และ Code and Design
•แถบสถานะ (Status Bar) เป็นส่วนที่แสดงสถานะของการใช้งานโปรแกรม ณ ขณะนั้น หน้าต่าง Properties เป็นส่วนของคำสั่งที่ใช้ในการกำหนดคุณสมบัติของ
องค์ประกอบต่าง ๆ ที่เราต้องการเปลี่ยนแปลงหรือตกแต่ง
•กลุ่มพาเนล (Panel Group) เป็นกลุ่มของแผงควบคุมที่ใช้แทนคำสั่งและติดต่อกับฐานข้อมูล
3. การเริ่มต้นการสร้างเว็บไซต์และเว็บเพจ
การกำหนดโครงสร้างเว็บไซต์

การเตรียมพื้นที่หรือโฟลเดอร์สำหรับเก็บเว็บไซต์โดยจัดการสร้างโฟลเดอร์เพื่อเก็บข้อมูลหรือเก็บไฟล์ต่างๆ ให้เป็นหมวดหมู่เพื่อง่ายต่อการจัดทำเว็บไซต์ และง่ายต่อการบริหารงานเว็บไซต์ ดังนั้นการจัดการวางแผนจัดเก็บข้อมูลลงในโฟลเดอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ลักษณะของการจัดเก็บ เช่นโฟล์เดอร์หลักใช้เก็บไฟล์ประเภท .html

•โฟล์เดอร์รูปภาพ
•โฟล์เดอร์เสียง
•โฟล์เดอร์ภาพเคลื่อนไหว
อีกทั้งยังสามารถสร้างโฟลเดอร์ย่อย (Sub folder)
ลงในโฟลเดอร์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย

การสร้างไซต์ (Site) งาน

•คลิกที่เมนู Site แล้วเลือกคำสั่ง New Site …

•จะเข้าสู่หน้าต่าง Site Definition เพื่อกำหนดชื่อไซต์พิมพ์ชื่อไซต์ที่ต้องการ เช่น Com-learning2u.com แล้วคลิกปุ่ม Next

•เลือกไม่ต้องติดต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ในขณะนี้ (No, I don’t …) แล้วคลิกปุ่ม Next

•กำหนดวิธีแก้ไขงานและโฟลเดอร์ที่เก็บเว็บไซต์ แล้วคลิกปุ่ม Next

•เลือกรูปแบบการเชื่อมต่อกับเว็บเซิร์ฟเวอร์เป็น None แล้วคลิกปุ่ม Next

•จะได้รายละเอียดที่เราตั้งค่าไว้ทั้งหมด คลิกปุ่ม Done

•โฟล์เดอร์ที่สร้างจะปรากฏอยู่ที่พาเนลไฟล์


http://www.google.co.th/imgres?imgurl=http://www.thaigoodview.com/files/u34249/Dreamweaver_id.jpg&imgrefurl=http://www.thaigoodview.com/node/78536&usg=__wro8ikq7vuhgmRs3wnzpPo33d-s=&h=215&w=290&sz=17&hl=th&start=0&zoom=1&tbnid=_V1I-84D2s-gaM:&tbnh=131&tbnw=181&ei=OzARTomwBYjLrQfkntmHBA&prev=/search%3Fq%3D%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A1%2Bdreamweaver%26um%3D1%26hl%3Dth%26sa%3DN%26biw%3D1024%26bih%3D567%26tbm%3Disch&um=1&itbs=1&iact=hc&vpx=731&vpy=240&dur=7125&hovh=172&hovw=232&tx=136&ty=108&page=1&ndsp=12&ved=1t:429,r:7,s:0

อ้างอิง : http://www.com-learning2u.com/unit/unit2/2.html

สร้าง E- Book ด้วยโปรเเกรม FlipAlbum 6.0 Pro.

สร้าง E- Book ด้วยโปรเเกรม FlipAlbum 6.0 Pro.

สื่อนำเสนอในปัจจุบันได้มีการพัฒนารูปแบบใหม่ความโด่ดเด่น น่าสนใจด้วยเทคโนโลยีมัลติมีเดีย (Multimedia) การนำเสนอข้อความหรือเนิ้อหาปริมาณมากๆ ในลักษณะของสิ่งพิมพ์หรือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book) ก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบจากสิ่งพิมพ์หรือหนังสือที่เป็นไฟล์เนื้อหาเพียงอย่างเดียว ต้องดูด้วยเทคนิคการเลื่อนจอภาพ ไปเป็นเทคนิคการนำเสนอที่มีลักษณะการเปิดหน้าหนังสอแบบเสมือน เนื้อหาที่นำเสนอเป็นได้ทั้งข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว วิดีทัศน์ และเสียง อันเป็นการใช้ความสามารถของเทคโนโลยีมัลติมีเดียมาผสมผสานกบ e-Book ได้อย่างลงตัว เป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูงอย่างมากในปัจจุบันภายใตชื่อเรียกว่า Multimedia e-Book

การพัฒนา Multimedia e-Book มีซอฟต์แวร์ช่วยหลายตัว โดยซอฟต์แวร์ที่โดดเด่นตัวหนึ่งคือ FlipAlbum ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนามาเป็น FlipAlbum 6.0 โดยความสามารถของโปรแกรมที่ทำให้การนำเสนอสื่อออกมาในรูปแบบ 3D Page-Flipping interface และมีชื่อเรียกเฉพาะว่า FlipBook ผลงานที่ได้นี้สามารถนำเสนอได้ทั้งแบบ Offline ด้วยความสามารถ AutoRun อัตโนมัติ และ Online ผ่านโปรแกรมแสดงผลเฉพาะ FlipViewer

คุณสมบัติขั้นต่ำของคอมพิวเตอร์
• ระบบปฏิบัติการ Windows® 98/2000/ME/XP
• คอมพิวเตอร์ IBM® PC compatible หนวยประมวลผล Pentium® II
300 MHz
– หน่วยความจำแรมอย่างต่ำ 128 MB
– พื้นที่ว่างของฮาร์ดดิสก์อย่างต่ำ 100 MB
– การ์ดแสดงผล 16-bit
– จอภาพที่มีความละเอียดไม่น้อยกว่า 800 × 600 pixels

เตรียมความพร้อมก่อนสร้าง E-Book
ข้อมูลที่สามารถใส่ลงในโปรเเกรม Flip album ได้นั้นมีรูปเเบบที่หลากหลายทั้งข้อความ, ภาพนิ่ง, ภาพเคลื่อนไหว, ไฟล์วิดิโอเเละไฟล์เสียง ดังนั้นควรจัดเตรียมข้อมูล ตกเเต่งรูปภาพเเละอื่นๆ ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเเละจัดเก็บรวมกันไว้ใน Folder ที่กำหนดขึ้นเช่น C:\my pic เป็นต้น ทั้งนี้ไฟล์ที่สามารถใช้ได้ ได้เเก่ (GIF, JPG, PNG, BMP, WMF, ICO, PCX, TIF, PCD, PSD); OEB Package Format (OPF); Sound Files (MID, WAV, MP3); Video Files (AVI, MPG)

การสร้างเอกสาร E – Book
เปิดโปรแกรม FlipAlbum จากเมนูคำสั่ง Start, Program, E-Book Systems, flipAlbum 6 Pro, FlipAlbum Pro จะปรากฏจอภาพทางาน โดยส่วนสำคัญของการสร้าง e-Book อย่างง่ายและเร็วนี้คือจอภาพ QuickStart
(ถ้าไม่ปรากฏให้เลือกคำสั่ง File, Start Wizard)

โปรแกรมสร้างสื่อการเรียนการสอน Camtasia Studio 7

         สำหรับผู้ที่ต้อง การสร้างสื่อการเรียนการสอน และการนำเสนอในรูปแบบของวีดีโอภาพเคลื่อนไหว แบบมัลติมีเดีย โดยได้รวมเอาคำสั่งต่างๆ ที่ใช้จัดทำสื่อประเภทนี้ไว้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่การจับภาพวีดีโอ ตัดต่อ รวบรวมวีดีโอแทรกเสียงบรรยาย เสียงเพลงประกอบ และปรับแต่งเสียง การซูมย่อ-ขยายวีดีโอในจุดที่ต้องการเน้น แทรกคำอธิบายลงในวีดีโอ สร้างแบบทดสอบแบบ Flash จับภาพในหน้าจอคอมพิวเตอร์สบาย ๆ ทำสื่อการสอนลงเว็บได้ง่ายกับ Camtasia Studio 7 ตัวล่าสุด การทดลองใช้ Camtasia Studio จะเต็มหน้าที่และทำงานเป็นเวลา 30 วันหลังจากการติดตั้ง เพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นเราจะส่งอีเมลกี่กับ tutorials และข้อมูลผลิตภัณฑ์ คุณสามารถยกเลิกเมื่อใดก็ได้

ฺการผลิตสื่อการเรียนการสอนดวยโปรแกรม Ulead Video Studio 8

ฺการผลิตสื่อการเรียนการสอนดวยโปรแกรม Ulead Video Studio 8

การนำภาพทีถ่ายผ่านกล้องจุลทรรศน์ไปใช้ประโยชน์
 เมื่อได้ภาพที่ต้องการแล้ว สามารถนำไปเก็บสะสมไว้ในคอมพิวเตอร์เพื่อนำไปใช้ผลิตสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบสื่อภาพเคลื่อนไหวหรือวีดีโอด้วยโปรแกรม  Ulead Video Studio 8 ซึ่ง เป็นโปรแกรมสำเร็จรูป สำหรับการนำภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวมาจัดและตกแต่งให้เป็น
เรื่องราว พร้อมทั้งการใส่เนื้อหาตัวอักษรและเสียงบรรยายเรื่องราวที่ต้องการจะนำเสนอให้เป็นรูปแบบVCD  DVD เพื่อจัดทำเป็นสื่อการเรียนการสอนที่สามารถดึงดูดให้ผู้เรียนมีความตื่นตาตื่นใจในการศึกษาสิ่งมีชีวิตที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นหรืออื่นๆตามความต้องการ 
                  โปรแกรม  Ulead Video Studio 8  เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่มีขั้นตอนการผลิตไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ท่านลองทำตามคู่มือ
ดังนำเสนอด้านล่าง ท่านจะได้ผลงานการผลิตสื่อดังที่ท่านตั้งใจไว้ครับ
                  1. เริ่มจากการเข้าโปรแกรม   (ภาพประกอบ หัวข้อการเข้าโปรแกรม  Ulead Video Studio 8)
                  2. ต่อจากนั้นให้ลองทำตามขั้นตอนที่ 2 -6  (ดังภาพประกอบ) จนกระทั่งบันทึกเรียบร้อย ท่านจะได้ ผลงาน 1 เรื่อง  หากมีข้อสงสัยประการใด สามารถสอบถาม ว่าที่ร้อยตรีวุฒิชัย สังข์พงษ์ wutt14@hotmail.com

ขั้นตอนการผลิตสื่อการเรียนการสอนด้วยโปรแกรม  Ulead Video Studio 8


1. การเข้าโปรแกรม  Ulead Video Studio 8

1.1 ดับเบิลคลิกที่ไอคอน Ulead Video Studio 8

1.2 กรณีสร้างชิ้นงานใหม่    ให้เลือกเมนู Video Studio Movie Wizard คลิกเมาส์ 1 ครั้ง จะปรากฏภาพด้านขวา

1.3 จากนั้นให้เลือกเมนู  Insert  Video จะปรากฏ ดังภาพ ด้านขวา

1.4 ให้เลือกไฟล์วีดีโอที่ต้องการนำมาใช้ทำสื่อ  โดยคลิกให้เกิดแถบดังภาพด้านล่าง  แล้วจึงคลิก open

1.5 จะปรากฏดังภาพด้านล่าง  ให้คลิก OK

1.6 เมื่อปรากฏ  ดังภาพด้านล่าง ให้คลิก Next

 1.7 จะปรากฏเมนู เลือกที่ Style Template เพื่อเลือกรูปแบบการ นำเสนอ Title ที่ต้องการ

1.8 นำเมาส์ไปชี้ที่ปุ่มสามเหลี่ยม

เพื่อเลือกรูปแบบการนำเสนอ ซึ่งมี 14 รูปแบบ ดังเช่น คลิก Nature แล้ว กด Next จะปรากฏดังภาพด้านล่าง
จากนั้นเลือกหัวข้อ Edit in Ulead หรือถ้าต้องการเก็บเป็นฐานข้อมูล สำหรับแก้ไขภายหลังให้เลือก Create Video File
แล้วพิมพ์ชื่อ งาน สั่ง save จะได้ งาน 1 ชิ้น ที่ใช้แก้ไขในโปรแกรมได้
กรณีเลือก Edit in Ulead

จะปรากฏดังภาพด้านล่าง ให้กด Yes

จะได้รูปภาพธรรมชาติ ดังรูปภาพตัวอย่างถัดมา

จากนั้นให้คลิกปุ่ม save

หากมีปัญหาจะปรากฏดังภาพด้านล่าง

ให้เลือกFile ดังภาพด้านล่าง

จากนั้นให้กด save as จะปรากฏดังภาพต่อไป

ให้พิมพ์ชื่อที่ต้องการในช่อง File name แล้วจึงกดปุ่ม save เป็นอันเสร็จสิ้นการผลิตสื่อวีดีทัศน์ที่จะนำไปใช้ประกอบการสอนหรืออื่นๆตามความประสงค์

ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จนะครับ ขอขอบพระคุณที่ทุกท่านเสียสละเวลาพัฒนาสื่อการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาการศึกษา

เทคโนโลยีทางการศึกษา

บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ

      ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้น สิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำรงชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมาก มีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอด เวลาชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ที่มีบทบาทเพิ่มขึ้น ใน พ.ศ. 2528 กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดในหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย ให้วิชาคอมพิวเตอร์เป็นวิชาเลือกของหมวดวิชาคณิตศาตร์ ประกอบด้วย 2 รายวิชา คือ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และการเขียนโปรแกรมภาษาเบสิก ต่อมา พ.ศ. 2532 และ พ.ศ. 2541 ก็เปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมหลักสูตรทางด้านคอมพิวเตอร์อีกหลายวิชา และจัดกลุ่มอยู่ในวิชาอาชีพสาขาคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันมีโรงเรียนมัธยมศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศเปิดการเรียนการสอนทางด้าน คอมพิวเตอร์ขึ้นมีความจำเป็นเพียงไรที่จะต้องให้เยาวชนไทยเรียนรู้ คอมพิวเตอร์ เมื่อมีวิชาพื้นฐานอื่น ๆ มากมายที่ต้องจะเรียน เหตุผลสำคัญสำหรับตอบคำถามนี้ คือปัจจุบันความเป็นอยู่ของมนุษย์ในสังคม มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ข้อมูลมากขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ นักเรียนอาจถูกปลุกด้วยเสียงนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์แบบดิจิทัล และเริ่มวันใหม่ด้วยการฟังวิทยุที่ส่งกระจายเสียงทั่วประเทศพร้อมกัน รับประทานอาหารเช้าที่ปรุงจากเครื่องครัวที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เสร็จแล้วรีบมาโรงเรียน ก้าวเข้าลิฟต์ที่ควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ ติดต่อกับเพื่อนด้วยโทรศัพท์มือถือ คิดเลขด้วยเครื่องคิดเลขทันสมัย เรียนพิมพ์เอกสารด้วยโปรแกรมประมวลคำ ตกเย็นกลับบ้านดูทีวีแล้วเข้านอนกิจวัตรในชีวิตประจำวันของมนุษย์เกี่ยวข้อง กับเทคโนโลยีมากขึ้น จนดูเหมือนว่าเทคโนโลยีเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์ ซึ่งทำให้มนุษย์ได้รับความสะดวกสบายและประสบความสำเร็จในงานด้านต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยีทางด้านอวกาศ ทางด้านการผลิต ทางด้านอุตสาหกรรม และทางด้านพาณิชยกรรมการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคแรก เริ่มจากการใช้เครื่องจักรกลแทนการทำงานด้วยมือ พลังงานที่ขับเคลื่อนเครื่องจักรก็มาจากพลังงานน้ำ พลังงานไอน้ำ และเปลี่ยนมาเป็นพลังงานจากน้ำมันขับเคลื่อนเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าแทน ต่อมาการปฏิวัติอุตสาหกรรมได้เกิดขึ้นอีก โดยเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานทีละขั้นตอนมาเป็นการทำงานระบบอัตโนมัติ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้กลไกการควบคุมอัตโนมัติทำงาน เช่น การดำเนินงานผลิต การตรวจสอบ การควบคุม ฯลฯ การทำงานเหล่านี้อาศัยระบบการควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์อุตสาหกรรมทางด้าน คอมพิวเตอร์เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในระยะปีหรือสองปีข้างหน้า ยากที่จะคาดเดาว่า จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อะไรใหม่ขึ้นมาอีกบ้าง ทั้งนี้เพราะขีดความสามารถของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสูงมาก โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับไมโครคอมพิวเตอร์ (micro computer )

http://www.tanti.ac.th/Com-tranning/IT/technof1.html

พัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศ

     เทคโนโลยีสารสนเทศกำลังเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวัน สังเกตได้จากการนำคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมาใช้ในสำนักงาน การจัดทำระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ การใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แสดงว่า เทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ เพื่อการคำนวณและเก็บข้อมูลได้แพร่ไปทั่วทุกแห่ง เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสำคัญต่อการแข่งขันด้านธุรกิจและการขยายตัวของ บริษัท มีผลต่อการให้บริการขององค์การและหน่วยงาน และมีผลต่อการประกอบกิจในแต่ละวัน
ก่อนการปฏิวัติทางอุตสาหกรรม ประชากรโลกส่วนใหญ่จะยึดอาชีพเกษตรกรรมเป็นแกนหลัก มีเพียงบางส่วนยึดอาชีพบริการและทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม แต่เมื่อมีการปฏิวัติอุตสาหกรรม พลเมืองในชนบทเป็นจำนวนมากละทิ้งถิ่นฐานเดิม จากการทำไร่ไถนามาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้เกิดการขยายตัวของประชากรในภาคอุตสาหกรรมและการลดน้อยลงในภาคเกษตรกรรม ขณะที่ผู้ทำงานด้านบริการจะค่อย ๆ ขยับสูงขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อม ๆ กับการมีผู้ทำงานด้านสารสนเทศ ที่ค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นตลอดอย่างต่อเนื่อง
เทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่งเกิดขึ้น และเริ่มเมื่อไม่นานมานี้เอง เมื่อราว พ.ศ. 2500 เทคโนโลยีสารสนเทศยังไม่แพร่หลายนัก จะมีเพียงการใช้โทรศัพท์เพื่อการติดต่อสื่อสารและเริ่มมีการนำคอมพิวเตอร์มา ช่วยประมวลผลข้อมูล งานด้านสารสนเทศอื่น ๆ ส่วนใหญ่ยังคงเป็นงานภายในสำนักงานที่ยังไม่มีอุปกรณ์และเครื่องมือ
ระบบสารสนเทศที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในขณะนี้ คือ เทคโนโลยีแบบสื่อประสม (multimedia) ซึ่งรวมข้อความ จำนวน ภาพ สัญลักษณ์ และเสียงเข้ามาผสมกัน เทคโนโลยีนี้กำลังได้รับการพัฒนา ในอนาคตเทคโนโลยีแบบสื่อประสมจะช่วยเสริมและสนับสนุนงานด้านสารสนเทศให้ก้าว หน้าต่อไป เป็นที่คาดหมายว่าอัตราการเติบโตของผู้ทำงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจะมีมาก ขึ้น จนนำหน้าสายอาชีพอื่นได้ทั้งหมดในไม่ช้านี้
สำนักงานเป็นแหล่งที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมากที่สุด เช่น การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำบัญชีเงินเดือนและบัญชีรายรับรายจ่าย การติดต่อสื่อสารภายในและภายนอกหน่วยงานด้านการใช้เครื่องโทรศัพท์ เครื่องโทรสาร และการใช้ตู้ชุมสายโทรศัพท์ การจัดเตรียมเอกสารด้วยการใช้เครื่องพิมพ์ดีด เครื่องถ่ายสำเนา และเครื่องคอมพิวเตอร์
aแนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศจะค่อย ๆ กลายมาเป็นระบบรวม โดยให้เครื่องระบบหนึ่งทำงานพร้อมกันได้หลาย ๆ อย่าง เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ นอกจากใช้ประมวลผลข้อมูลด้านบัญชีแล้ว ยังใช้งานจัดเตรียมเอกสารแทนเครื่องพิมพ์ดีด ใช้รับส่งข้อความหรือจดหมายกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกล ซึงอาจอยู่คนละซีกโลกในลักษณะที่เรียกว่า ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับเครื่องถ่ายเอกสาร นอกจากจะใช้ถ่ายสำเนาเอกสารตามปกติแล้ว อาจเพิ่มขีดความสามารถให้ใช้งานเป็นเครื่องพิมพ์คอมพิวเตอร์ หรือเป็นเครื่องรับส่งโทรสารไปในตัว
การพัฒนาทางเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ (hardware) ซอฟต์แวร์ (software) ด้านข้อมูล และการติดต่อสื่อสาร ผู้ใช้จึงต้องปรับตัวยอมรับและเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะข้อมูลและการติดต่อสื่อสารซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ จำนวนมาก หากการดำเนินงานธุรกิจใช้ข้อมูลซื่งมีการบันทึกใส่กระดาษและเก็บรวบรวมใส่ แฟ้ม การเรียกค้นและสรุปผลข้อมูลย่อมทำได้ช้า และเกิดความผิดพลาดได้ง่ายกว่าการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสมัยใหม่จะช่วยงานให้ง่ายสะดวกและรวดเร็วขึ้น และที่สำคัญช่วยให้สามารถตัดสินใจดำเนินงานได้เร็ว และถูกต้องดีขึ้น

http://www.tanti.ac.th/Com-tranning/IT/technof1.html

ขอบเขตของเทคโนโลยีสารสนเทศ

     คำว่า เทคโนโลยี หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ เทคโนโลยีจึงเป็นวิธีการในการสร้างมูลค่าเพิ่มของสิ่งต่างๆ ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น เช่น ทรายหรือซิลิกอน เป็นสารแร่ที่พบเห็นทั่วไปตามชายหาด หากนำมาสกัดด้วยเทคโนโลยีและใช้เทคนิควิธีการสร้างเป็นชิป (chip) สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ จะทำให้สารแร่ซิลิกอนนั้นมีคุณค่า และมูลค่าเพิ่มขึ้นได้อีกมาก

     สำหรับสารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความจริงของคน สัตว์ สิ่งของ ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม หากมีการจัดเก็บรวบรวม เรียกค้น และสื่อสารระหว่างกัน นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ สารสนเทศมีความหมายที่กว้างไกล ซึ่งนักเรียนจะได้เรียนเพิ่มเติมต่อไป

     เทคโนโลยีสารสนเทศ (Infornation Technology : IT) หมายถึง การนำเทคโนโลยีมาใช้สร้างข้อมูลเพิ่มให้กับสารสนเทศ ทำให้สารสนเทศมีประโยชน์และใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศรวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ ที่จะรวบรวม จัดเก็บใช้งาน ส่งต่อ หรือสื่อสารระหว่างกัน เทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้องโดยตรงกับเครื่องมือเครื่องใช้ในการจัดการ สารสนเทศ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์รอบข้าง ขั้นตอนวิธีการดำเนินการซึ่งเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ เกี่ยวข้องกับตัวข้อมูล เกี่ยวกับบุคลากร เกี่ยวข้องกับกรรมวิธีการดำเนินงานเพื่อให้ข้อมูลเกิดประโยชน์สูงสุด เทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นเทคโนโลยีที่ครอบคลุมเรื่องเกี่ยวกับการประมวลผล ข้อมูล ซึ่งได้แก่การใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ การติดต่อสื่อสารระหว่างกันด้วยความรวดเร็วการจัดการข้อมูล รวมถึงวิธีการที่จะใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุด

http://www.vcharkarn.com/uploads/51/51595.gif

ประโยชน์ที่ได้จากเทคโนโลยีสารสนเทศ
      ชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับสารสนเทศต่าง ๆ มากมาย การอยู่รวมเป็นสังคมของมนุษย์ทำให้ต้องสื่อสารถึงกัน ต้องติดต่อและทำงานหลายสิ่งหลายอย่างร่วมกันสมองของเราต้องจดจำสิ่งต่าง ๆ ไว้มากมาย ต้องจดจำรายชื่อผู้ที่เราเกี่ยวข้องด้วย จดจำข้อมูลต่าง ๆ ไว้เพื่อใช้ประโยขน์ในภายหลัง สังคมจึงต้องการความเป็นระบบที่มีรูปแบบชัดเจน เช่น การกำหนดเลขบ้าน ชื่อถนน อำเภอ จังหวัด ทำให้สามารถติดต่อส่งจดหมายถึงกันได้ เลขบ้านเป็นสารสนเทศอย่างหนึ่งที่ใช้งานกันอยู่
     เพื่อให้สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์เป็นระบบมากขึ้น จึงมีการจัดการสารสนเทศเหล่านั้นในลักษณะเชิงระบบ เช่น ระบบทะเบียนราษฎร์ มีการใช้แลขประจำตัวประชาชน ซึ่งเป็นเลขรหัส 13 ตัว แต่ละตัวจะมีควาหมายเพื่อใช้ในการตรวจสอบ เช่น แบ่งตามประเภท ตามถิ่นที่อยู่ การเข้ารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาลก็ต้องมีการลงทะเบียน การสร้างเวชระเบียน ระบบเสียภาษีก็มีการสร้างรหัสประจำตัวผู้เสียภาษี นอกจากนี้มีการจดทะเบียนรถยนต์ ทะเบียนการค้า ทะเบียนโรงงาน ฯลฯ
     การใช้สารสนเทศเกี่ยวข้องกับทุกคน การเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีความจำเป็น ปัจจุบันเราใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าด้วยบัตรเครดิต เบิกเงินด้วยบัตรเอทีเอ็ม การโอนย้ายข้อมูลในลักษณะอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวข้องกับเรามากขึ้น
     เทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นเทคโนโลยีแห่งศตวรรษนี้ ที่ใช้ในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อมูลจำนวนมากได้รับการบันทึกไว้ในรูปแบบที่ให้เครื่องจักรอ่านได้ เช่น อยู่ในแถบบันทึก แผ่นบันทึก แผ่นซีดีรอม ดังจะเห็นเอกสารหรือหนังสือ หรือสารานุกรมบรรจุในแผ่นซีดีรอม หนังสือทั้งตู้อาจเก็บในแผ่นซีดีรอมเพียงแผ่นเดียว
  www.sci.kmutnb.ac.th/…/stories/95634.gif
นำเนื้อหาข้อมูลมาจาก http://www.tanti.ac.th/Com-tranning/IT/technof1.html